About time จงใช้ชีวิตให้เหมือนไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สอง

About time หนังฟีลกู๊ด เติมเต็มความหมายของการใช้ชีวิต หนัง about time ออกฉายตั้งแต่ปี 2013 เรื่องราวของ Tim ที่ได้ไปค้นพบความลับประจำตระกูล

o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o

ผู้ชายทุกคนในตระกูลจะสามารถย้อนกลับไปแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตได้ แต่!! ถ้าเรื่องราวในอดีตเปลี่ยน เหตุการณ์ในอนาคตก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย ช่วงแรก Tim ย้อนเวลากลับไป เพื่อแก้ไขเรื่องความรักของตัวเอง แต่ ไม่ค่อยจะสำเร็จสักเท่าไหร่ เมื่อ Timเจอกับ Mary ความหมายในชีวิตของ Tim ก็เปลี่ยนไป

About time หนังฟีลกู๊ด เติมเต็มความหมายของการใช้ชีวิต หนัง about time ออกฉายตั้งแต่ปี 2013 เรื่องราวของ Tim ที่ได้ไปค้นพบความลับประจำตระกูล

เมื่อดูหนังจบ ผู้เขียนได้ข้อคิดอะไรหลายอย่างจากหนัง about time ถ้าเรามีโอกาสย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดต่างๆ เราจะย้อนกลับไปไหม ? ถ้ามันทำให้เหตุการณ์ในอนาคตเปลี่ยนไปด้วย เพราะ ในปัจจุบันตอนนี้ อาจจะดีอยู่แล้วก็ได้ พระเอก Tim ของเราก็เคยมีช่วงที่ยังหาคำตอบให้ชีวิตไม่ได้ และ มีตอนที่ Tim ย้อนกลับไปใช้ชีวิต

o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o o

วันละ สองครั้งเลยทีเดียวหนึ่งวันจะตั้งใจทำงาน และ อีกหนึ่งวันจะไม่ตั้งใจทำงาน แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ Tim คิดได้ว่า ถ้าเราตั้งใจทำให้ดีตั้งแต่ครั้งแรก !! เราก็ไม่ต้องกลับไปแก้ไขอะไรอีกแล้ว เราต้องอย่าใช้ชีวิตเหมือนมีโอกาสครั้งที่สองเราต้องทำให้ดีที่สุด

About time การใช้ชีวิตในทุกๆวัน ก็คือ การเรียนรู้ในการใช้ชีวิต

สิ่งที่ผู้เขียนชอบในเรื่องนี้คือ คอสตูม และ บรรยากาศในหนัง ฉากต่างๆ เป็นแบบธรรมดา แต่ อบอุ่นหัวใจ เราจะได้เห็นการเติบโตของตัวละครผ่านคอสตูมเหล่านี้ด้วย และ ไม่ใช่แค่ เรื่องราวความรักโรแมนติก

การใช้ชีวิตเท่านั้น แต่ ยังมีปมของพ่อลูก ที่ได้ถูกคลายอีกด้วย

ประกอบกับเพลงของหนัง about time ที่เพราะ และ เข้ากับทุกฉาก โดยเฉพาะ เพลงดัง How long will i love you โดยทำออกมาทั้งสองเวอร์ชั่นเลยทีเดียว ซึ่งผู้เขียนชอบทั้งสองเวอร์ชั่น ทั้งเวอร์ชั่นของ

Jon Boden Sam Sweeney, Ben Coleman ที่ร้องที่สถานีรถไฟเป็นวงดนตรีเปิดหมวกเล่นที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินกรุงลอนดอน ประกอบช่วงเวลาชีวิตรักกับการเดินทางของ Tim และ Mary และ อีกเวอร์ชั่นคือ เวอร์ชั่น ของ Ellie Goulding  หากเพื่อนๆคนไหนที่ยังไม่เคยดู สามารถไปรับชมได้ เรียกได้ว่า เป็นหนังชีวิตโรแมนติคฟีลกู๊ดขึ้นหิ้งในดวงใจผู้เขียนอีกเรื่องนึงเลยทีเดียว

สมัครสมาชิกเล่น ufabet777 คลิกเลย !